เราทุกคนรู้กันว่าหากต้องการจะดื่มอะไรเพื่อความสดชื่นในตอนเช้าก็คงต้องเลือกดื่มชา ไม่ก็กาแฟ ส่วนชาที่นิยมที่สุดคือชาเขียว ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบชาเขียวมัทฉะ หรือจะเป็นแบบชาเขียวชงแบบใบชาก็ตาม หากในมุมมองด้านสุขภาพหละ? เป็นประเด็นที่น่าสนใจหากจะมาเปรียบเทียบกัน เพราะทั้งคู่ต่างได้รับความนิยมในด้านของเครื่องดื่มเพื่อการกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัวมากยิ่งขึ้น แต่หากในด้านสุขภาพ อะไรคือตัวเลือกที่ดีกว่ากันแน่? ในบทความนี้เรามาลงลึกในรายละเอียดและเปรียบเทียบคุณสมบัติของทั้งสองเครื่องดื่มนี้
ปริมาณคาเฟอีน
คาเฟอีนส่งผลต่อร่างกายในหลายด้าน ทั้งข้อดีและข้อเสีย สามารถกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้รู้สึกตื่นตัว มีสมาธิจดจ่อ และความจำดีขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคทางสมอง กระตุ้นการเผาผลาญพลังงานและไขมันในร่างกาย ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญในร่างกาย การบริโภคคาเฟอีนในปริมาณที่เหมาะสม (ไม่เกิน 400 มิลลิกรัมต่อวันสำหรับผู้ใหญ่) จะให้ประโยชน์มากกว่าโทษ แต่หากบริโภคมากเกินไปอาจก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายได้เช่น ทำให้นอนไม่หลับ หากดื่มในปริมาณมากหรือดื่มก่อนนอน อาจทำให้หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ ใจสั่น เพิ่มความดันโลหิตชั่วคราว
ชาเขียวมัทฉะ
- ในแง่ของปริมาณคาเฟอีน มัทฉะมีคาเฟอีนน้อยกว่ากาแฟทั่วไป โดยเฉลี่ยแล้วมัทฉะหนึ่งแก้วมีคาเฟอีนประมาณ 70 มิลลิกรัม ซึ่งน้อยกว่ากาแฟแต่แม้จะมีปริมาณคาเฟอีนน้อยกว่า แต่มัทฉะกลับสามารถทำให้ผู้ดื่มรู้สึกตื่นตัวได้นานกว่ากาแฟ นอกจากนี้ ปริมาณคาเฟอีนในมัทฉะยังมีช่วงที่กว้างกว่า ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นในการชง ทำให้ผู้บริโภคสามารถปรับปริมาณคาเฟอีนได้ตามความต้องการ
กาแฟ
- ในขณะที่กาแฟเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมที่หลายคนเลือกดื่มเพื่อเพิ่มความกระปรี้กระเปร่า เพราะกาแฟมีปริมาณคาเฟอีนสูงกว่ามัทฉะ โดยทั่วไปอยู่ที่ 100-140 มิลลิกรัมต่อแก้ว อย่างไรก็ตาม ปริมาณคาเฟอีนในกาแฟอาจแตกต่างกันไปตามวิธีการชงและสายพันธุ์ของเมล็ดกาแฟ
ระยะเวลาการออกฤทธิ์
ในการเปรียบเทียบระยะเวลาการออกฤทธิ์ระหว่างกาแฟและมัทฉะชาเขียว พบว่ามีความแตกต่างที่น่าสนใจ กาแฟมีจุดเด่นคือออกฤทธิ์ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ดื่มรู้สึกกระปรี้กระเปร่าและตื่นตัวในเวลาอันสั้น แต่ข้อจำกัดคือฤทธิ์จะหมดลงภายในระยะเวลาเพียง 3 ชั่วโมง ในทางกลับกัน มัทฉะชาเขียวมีการออกฤทธิ์ที่ช้ากว่า แต่ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่ามาก โดยสามารถคงประสิทธิภาพได้นานถึง 4-6 ชั่วโมง ทำให้ผู้ดื่มรู้สึกสดชื่นและมีสมาธิได้ยาวนานกว่า ความแตกต่างนี้อาจเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการเลือกเครื่องดื่มให้เหมาะกับกิจกรรมและตารางเวลาในแต่ละวัน
สารต้านอนุมูลอิสระ
สารต้านอนุมูลอิสระเป็นโมเลกุลที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสุขภาพของร่างกายมนุษย์ โดยทำหน้าที่ปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นโมเลกุลที่ไม่เสถียรและสามารถทำลายเซลล์ได้ สารต้านอนุมูลอิสระมีบทบาทสำคัญในการชะลอกระบวนการแก่ก่อนวัย ป้องกันโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคหัวใจ มะเร็ง และโรคเบาหวาน นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและส่งเสริมสุขภาพโดยรวม
ชาเขียวมัทฉะ
- มัทฉะชาเขียวเป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสารกลุ่มคาเทชิน ซึ่งมี EGCG (Epigallocatechin gallate) เป็นชนิดหลัก EGCG เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง มีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบและต่อต้านอนุมูลอิสระได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยในการลดความดันโลหิต ระดับคอเลสเตอรอล และระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากต่อสุขภาพโดยรวม
กาแฟ
- แม้ว่ากาแฟจะมีปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระน้อยกว่ามัทฉะชาเขียว แต่ก็ยังเป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ กาแฟอุดมไปด้วยสารประกอบที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด รวมถึงวิตามินบีหลายชนิด เช่น วิตามินบี 1 บี 2 บี 3 บี 5 และโฟลิก (วิตามินบี 9) นอกจากนี้ยังมีแร่ธาตุที่สำคัญ เช่น โพแทสเซียม แมงกานีส แมกนีเซียม และฟอสฟอรัส ซึ่งล้วนมีส่วนช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระและส่งเสริมสุขภาพ
ผลต่อการเผาผลาญพลังงาน
ทั้งชาเขียวมัทฉะและกาแฟมีผลดีต่อการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย แต่ด้วยกลไกที่แตกต่างกัน กาแฟมีคาเฟอีนที่กระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนอะดรีนาลีน ซึ่งส่งผลให้อัตราการเผาผลาญพื้นฐาน (Basal Metabolic Rate) เพิ่มขึ้น และเร่งการสลายไขมันในเนื้อเยื่อไขมัน นอกจากนี้ คาเฟอีนยังทำให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นเล็กน้อย ส่งผลให้ร่างกายต้องเผาผลาญพลังงานมากขึ้นเพื่อรักษาอุณหภูมิ ในขณะที่ชาเขียวมัทฉะก็มีคาเฟอีนเช่นกัน แต่ในปริมาณที่น้อยกว่า อย่างไรก็ตาม มัทฉะชาเขียวมีสารแคเทชิน โดยเฉพาะ EGCG ที่ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่ากาแฟอาจช่วยเพิ่มการเผาผลาญได้มากกว่าในระยะสั้น แต่มัทฉะชาเขียวให้ผลต่อเนื่องยาวนานกว่า ทำให้ทั้งสองเครื่องดื่มนี้มีข้อดีในการช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงานในแบบของตัวเอง
ผลต่อการทำงานของสมอง
มัทฉะชาเขียวและกาแฟต่างเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมที่มีผลต่อการทำงานของสมอง แต่ด้วยคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ทำให้ส่งผลต่อสมองในลักษณะที่ไม่เหมือนกัน ทั้งในแง่ของการกระตุ้นความตื่นตัว การเพิ่มสมาธิ และผลกระทบต่อความเครียดและอารมณ์ การเข้าใจถึงความแตกต่างนี้จะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเลือกเครื่องดื่มที่เหมาะสมกับความต้องการและสภาพร่างกายของตนเองได้ดียิ่งขึ้น
ชาเขียวมัทฉะ
- ชาเขียวมัทฉะมีคุณสมบัติโดดเด่นในการส่งเสริมการทำงานของสมองอย่างสมดุล ด้วยการมีสาร L-Theanine ที่ช่วยลดความเครียดและเพิ่มสมาธิ ทำให้ผู้ดื่มรู้สึกตื่นตัวแต่ผ่อนคลายไปพร้อมกัน นอกจากนี้ ฤทธิ์ของคาเฟอีนในมัทฉะจะค่อยๆ ถูกปลดปล่อยอย่างช้าๆ ทำให้ความรู้สึกตื่นตัวและมีสมาธิคงอยู่ได้นานถึง 4-6 ชั่วโมง มัทฉะยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยส่งเสริมการซ่อมแซมเซลล์สมอง และเพิ่มการทำงานของสารสื่อประสาทสำคัญ เช่น โดปามีนและนอร์อิพิเนฟริน ซึ่งส่งผลดีต่อความจำและการเรียนรู้
กาแฟ
- กาแฟมีจุดเด่นในการกระตุ้นสมองให้ตื่นตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ดื่มรู้สึกกระปรี้กระเปร่าและมีพลังงานเพิ่มขึ้นในเวลาอันสั้น โดยฤทธิ์ของคาเฟอีนในกาแฟจะอยู่ได้ประมาณ 3 ชั่วโมง ซึ่งช่วยเพิ่มความตื่นตัว สมาธิ และความจำในระยะสั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม การดื่มกาแฟในปริมาณมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อสมอง เช่น ทำให้เกิดอาการใจสั่น กระวนกระวาย หรือนอนไม่หลับ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานของสมองในระยะยาว แต่ในทางกลับกัน การดื่มกาแฟในปริมาณที่เหมาะสมอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคทางสมองบางชนิด เช่น โรคอัลไซเมอร์และพาร์กินสัน
ผลข้างเคียงของชาเขียวมัทฉะ และกาแฟ
ทั้งมัทฉะชาเขียวและกาแฟต่างมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่การบริโภคมากเกินไปก็อาจส่งผลเสียได้เช่นกัน สำหรับกาแฟ การดื่มในปริมาณมากโดยเฉพาะในช่วงบ่ายหรือเย็น อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพการนอนหลับ ทำให้นอนหลับยากหรือหลับไม่สนิท เนื่องจากคาเฟอีนในกาแฟมีฤทธิ์กระตุ้นประสาทและเพิ่มความตื่นตัว ในทางกลับกัน ชาเขียวมัทฉาแม้จะมีคาเฟอีนน้อยกว่า แต่การดื่มในปริมาณมากอาจก่อให้เกิดอาการท้องเสียได้ เนื่องจากมีสารแทนนินที่อาจระคายเคืองกระเพาะอาหารและลำไส้ ดังนั้น ไม่ว่าจะเลือกเครื่องดื่มชนิดใด การบริโภคอย่างพอดีและรู้จักประมาณตนจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่ใส่ใจสุขภาพ
หากมองในด้านการตื่นตัวแบบทันทีคงบอกได้ว่ากาแฟชนะขาด แต่หากเลือกระหว่างชาเขียวมัทฉะและกาแฟในด้านสุขภาพนั้น ทั้งสองตัวเลือกมีข้อดีที่แตกต่างกัน แต่หากต้องสรุปว่าควรเลือกดื่มอะไร ชาเขียวมัทฉะอาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าเล็กน้อย เนื่องจากมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง โดยเฉพาะ EGCG ที่ช่วยต่อต้านการอักเสบและลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่างๆ อีกทั้งยังมีปริมาณคาเฟอีนที่ต่ำกว่ากาแฟ ทำให้กระตุ้นประสาทน้อยกว่าและไม่ทำให้นอนไม่หลับ นอกจากนี้ มัทฉะชาเขียวยังช่วยเพิ่มการเผาผลาญและสนับสนุนการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน แต่เอาจริงๆแล้ว เราก็ดื่มทั้งคู่สลับกันไปมาได้ ชีวิตได้ไม่เบื่อ จำเจ!!